โรคภูมิแพ้ คือโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติไวผิดปกติ ทั้งที่คนทั่วไปไม่เกิดอาการผิดปกติเมื่อสัมผัสสารต่างๆเหล่านั้น สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายได้หลายทางทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ชนิดต่างๆ ซึ่งมีอาการแตกต่างกันดังนี้
- - สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายโดยทางเดินหายใจ ตั้งแต่ จมูก คอ หลอดลมลงไปถึงปอด ทำให้เกิดอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เรียกว่าโรคแพ้อากาศ ผู้ป่วยจะมีอาการคันคอ เจ็บคอ ไอมาก หากมีอาการหลอดลมตีบตัน หายใจลำบากเรียกว่าโรคหอบหืด
- สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายโดยทางผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคันอักเสบ เป็นลมพิษ มีน้ำเหลืองไหล เป็นตุ่มพุพองที่ผิวหนัง เรียกว่า “โรคผื่นแพ้”
- สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายโดยทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคันปาก คันคอ มีผื่นคันที่ผิวหนัง เป็นลมพิษ ปวดท้อง ท้องอืด ท้อง เสีย อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน มีแผลร้อนในในปาก เรียกว่า “โรคแพ้อาหาร”
- สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายโดยทางตา ทำให้คันตา แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล ตาสู้แสงไม่ได้ เยื่อบุตาแดงบวมและอักเสบ เรียก “โรค ภูมิแพ้ที่ตา”
รู้จักอาการของโรคภูมิแพ้อากาศ
โรคภูมิแพ้อากาศ
โรคภูมิแพ้อากาศเป็นภูมิแพ้อย่างหนึ่งที่พบมากในไทย โรคภูมิแพ้อากาศ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ทางการหายใจ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าภูมิแพ้อากาศเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เพราะถ้าพ่อแม่เป็นภูมิแพ้อากาศ ลูกมีโอกาสที่จะเป็นภูมิแพ้อากาศด้วยถึง 75 %
ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศ จะมีอาการมากน้อยต่างกัน ตั้งแต่คันจมูก คันตา น้ำมูกไหล จามบ่อย เจ็บคอ ไปจนถึงอาการมาก เช่น แน่น หอบ หายใจไม่ค่อยออกแบบหอบหืด
สิ่งกระตุ้นโรคภูมิแพ้อากาศ คือ การได้รับสัมผัส การเปลี่ยนแปลงของอากาศ สุขภาพอ่อนแอ ความเครียด
สารก่อภูมิแพ้อากาศที่พบบ่อย
ฝุ่น นุ่น ซากแมลงสาบ ละอองเกสรพืช ไรฝุ่นในที่นอนในบ้าน ขนสัตว์ เชื้อราในอากาศ
อาการของโรคภูมิแพ้อากาศ
- คันจมูก
- คันตา
- น้ำมูกใส
- จามบ่อย
- แน่นจมูก
- รู้สึกแน่นจมูกเช้า บางครั้งเจ็บคอเช้า ๆ
อาการร่วมของภูมิแพ้อากาศ
- อาจพบ หอบหืด ลมพิษ แพ้อาหาร คันตา ตาอักเสบ ร่วมกับอาการภูมิแพ้อากาศ
การป้องกันและรักษาผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศเบื้องต้น
- กำจัดเชื้อรา
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน
- ทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ
- หลีกเลี่ยงความเครียด
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง ไม่ควรใช้ยาเอง
- กำจัดฝุ่นละอองและตัวไรในห้องนอน
- ทำความสะอาดห้องนอนทุกวัน
- จัดห้องนอนให้โล่ง มีเครื่องตกแต่งน้อยชิ้นที่สุด
- หลีกเลี่ยงวัสดุที่ทำจากขนสัตว์ นุ่น
- หลีกเลี่ยงการใช้พรม
- ที่นอน หมอน ควรนำออกตากแดดทุกสัปดาห์
- เก็บหนังสือและเสื้อผ้า ในตู้ที่ปิดมิดชิด
- ใช้วัสดุที่เป็นใยสังเคราะห์ หรือฟองน้ำ
- กำจัดแหล่งที่อยู่ของแมลงสาบ และแมลงอื่น ๆในบ้าน
- ลดปริมาณละอองเกสรดอกไม้ หญ้า
- หลีกเลี่ยงการนำดอกไม้สด หรือต้นไม้ไว้ในบ้าน
- ตัดหญ้าและวัชพืชออก
- ม่คลุกคลีใกล้ชิดหรือนำสัตว์เลี้ยงมาใว้ในบ้าน
ผ้าคลุมที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม มุ้ง ผ้าคลุมเตียง ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง
โรคภูมิแพ้อากาศเป็นเรื่องที่ต้องหาสาเหตุว่า เราแพ้สารอะไร แล้วถ้าสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้ อาการภูมิแพ้อากาศก็จะไม่เกิดขึ้นหรือไม่แสดงอาการ รักษาภูมิแพ้อากาศที่ต้นเหตุกับ Wholly Medical Clinic
รักษาโรคภูมิแพ้ ด้วยแพทย์ทางเลือก
การรักษาโรคภูมิแพ้
- โดยทั่วไปแพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้หลีกเลี่ยงจากสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ คำแนะนำนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้เฉพาะกรณี เท่านั้น เพราะบางครั้งผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไม่อาจทราบได้ว่าตนเองแพ้อะไรบ้าง และบางครั้งสิ่งที่แพ้ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน
- แพทย์ให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้กินยาต้านปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่างๆ กลุ่มเสตียรอยด์ เพื่อคอยระงับอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้จัดการ แก้ไขสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่เป็นต้นตอจริงๆ
รักษาโรคภูมิแพ้ |
- การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) โดยสุ่มทดสอบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการแพ้อะไรบ้างแล้วฉีดสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้คุ้นเคยกับสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้น จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ การรักษา โรคภูมิแพ้ชนิดนี้ต้องใช้ระยะเวลานาน คือฉีดติดต่อกัน 9-12 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดกระตุ้นภูมิแพ้ไปอีกเป็นระยะ เช่น เดือนละครั้ง อาจนาน 3-5 ปี อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาโรคภูมิแพ้ไม่สู้จะดีนัก เมื่อเทียบกับเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะไม่อาจรับประกัน ได้ว่าจะสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ได้แน่นอน และผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะแพ้สารหลายตัว วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยการทดสอบทาง ผิวหนังจึงเรียกได้ว่าค่อนข้างยุ่งยาก สิ้นเปลือง เสียเวลานาน และไม่ค่อยได้ผล
การรักษาโรคภูมิแพ้ที่ Wholly Medical Center
โปรแกรมรักษาโรคภูมิแพ้ Autologous Serum I
เป็นวิธีการปรับภูมิต้านทานผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ เปรียบเทียบได้กับคำว่า “หนามยอกเอาหนามบ่ง” คือ เมื่อพบว่าโรคภูมิแพ้เกิดขึ้นแล้วล่องลอยในกระแสเลือด ก็ใช้เลือดของตนเองมาช่วยในการรักษาโรคภูมิแพ้ โดยเจาะเลือดของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ขณะที่มีปฏิกิริยาโรคภูมิแพ้ สกัดเอาเฉพาะซีรั่ม ซึ่งในซีรั่มนั้น จะมีภูมิคุ้มกันไวเกินที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้อยู่ นำซีรั่มมาแยกเซลล์ที่ตกค้างออก ให้เหลือเฉพาะโปรตีน แล้วใช้ตัวกระตุ้นซีรั่ม (Serum activator) เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างบางประการของภูมิคุ้มกันไวเกิน (Antibody) ให้มีสภาพเป็น Antigen แล้วฉีด Antigen ที่ได้เข้าใต้ผิวหนัง โดยให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับคนไข้ภูมิแพ้แต่ละรายครั้งละน้อยๆเป็นเวลาต่อกันระยะหนึ่ง วิธีนี้สามารถใช้ได้แม้ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการแพ้มากที่สุด ซึ่งร่างกายจะรับสารก่อภูมิแพ้ในขนาดน้อยๆ นี้ได้ โดยไม่ปรากฏอาการใดๆจากนั้นระบบภูมิต้านทานของร่างกายจะมีการปรับโดยลดการสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินลง หรือหลั่งสารที่จะไปต้านการสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินบางชนิดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ แม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้ แต่เมื่อร่างกายลดการสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ลง จึงไม่สามารถก่อปฏิกิริยาภูมิแพ้กับสารก่อภูมิแพ้นั้นได้ ผู้ป่วยก็จะปลอดจากโรคภูมิแพ้โดยปริยาย
ส่งผลให้ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงสามารถรักษาหรือทุเลาอาการของโรคภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยวิธีนี้ให้ผลการรักษาได้ผลดีร้อยละ 60 – 80 และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเป็นสารที่สกัดมาจากตัวของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เอง จึงปลอดภัย ไม่มีอาการต้านยาแพ้ยา หรือมีสารตกค้างภายในร่างกาย
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดการรักษาโรคภูมิแพ้โดยตรงที่ Wholly Medical Center
ตึก 253 ชั้น 21 อโศก ซอยสุขุมวิท 21 ตรงข้าม มศว. ประสานมิตร ติดรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรี
โทร.02-664-3027 call center 24 ชม. 087-924-7799 (เวลา 9.00 - 19.00 น.) ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
Email:crm@whollymedical.com ตลอด 24 ชั่วโมง